Header Image
รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ ต.ประตูป่า อ.เมืองลำพูน พบปะเกษตรกร และติดตามราคาลำไยด้วยตนเอง ระบุ ปีนี้ราคาดีเกษตรกรพอใจ และพร้อมผลักดันพืชรองอื่นๆ ทุกชนิด
watermark

รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ ต.ประตูป่า อ.เมืองลำพูน พบปะเกษตรกร และติดตามราคาลำไยด้วยตนเอง ระบุ ปีนี้ราคาดีเกษตรกรพอใจ และพร้อมผลักดันพืชรองอื่นๆ ทุกชนิด

วันที่ 3 สิงหาคม 2567 เวลา 14.30 น. นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่พบปะเกษตรกร พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ลำไยของจังหวัดลำพูน ณ สหกรณ์การเกษตรประตูป่า จำกัด อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน และปล่อยคาราวานการรับซื้อลำไย @ลำพูน พันธมิตรเชื่อมโยงพืชรอง “คนตัวใหญ่ ช่วยคนตัวเล็ก” โดยมี นายยรรยง พวงราช ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายสุวรรณ ปิ่นรัตน์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน นางกนกรัตน์ ยุกติรัตน์ พาณิชย์จังหวัดลำพูน พาณิชย์จังหวัด 4 จังหวัดภาคเหนือ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์ได้มีการให้ความสำคัญกับพืชรอง และก่อนหน้านี้ทางด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มีการลงพื้นที่ จ.ลำพูน และได้ให้การรับประกันราคาในปีผลผลิตนี้ ให้ได้ราคากิโลกรัมละ 30 บาท เพื่อให้ชาวสวนลำไย สามารถอยู่ได้ จากการับนโยบายของการลงพื้นที่ในครั้งนั้น จึงได้นำมาคิดและดำเนินการในเชิงรุก ว่าผลผลิตจะเกิดขึ้นเท่าไหร่ และดูว่าจะล้นตลาดหรือไม่ จึงได้มีการสร้าง Demand ขึ้นมาโดยการดึงผลผลิตออกจากสต็อกของเกษตรกรทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อให้ราคาไม่ถูกกดลง โดยที่ผ่านมาทุกส่วนได้ช่วยกันจัดการในเรื่องนี้ ล่าสุดจากการติดตามราคาจำหน่ายในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 38 บาท ซึ่งเกินเป้าหมายที่วางไว้ ลูกร่วงราคากิโลกรัมละ 18 บาท วันนี้จึงเป็นการมาดูราคาจริง จากการรับฟังตัวแทนเกษตรกรกล่าวปรากฏว่ามีความพึงพอใจเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
พร้อมกันนี้ทางด้านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังได้กล่าวย้ำว่า ภายหลังจากที่ตนกลับจากลำพูนไป ราคาลำไยจะไม่ร่วง และราคาอยู่ในมาตรฐานที่เกษตรพอใจ หากราคาร่วง ก็จะร่วงอยู่ในราคาที่มาตรฐานตามธรรมชาติของเกรดสินค้าตามขนาดผลผลิต โดยขอให้เกษตรรักษามาตรฐานคุณภาพของผลผลิตตนเองเพื่อให้ตอบโจทย์ต่อความต้องการของผู้บริโภค ส่วนรัฐบาลก็จะทำหน้าที่ขจัดอุปสรรคต่างๆ ให้ราคาผลผลิตนั้นดี ซึ่งไม่ใช่เฉพาะลำไย โดยตอนนี้ทางภาครัฐจะทำกับพืชรองทุกตัว
ส่วนปัญหาแรงงานที่ทางผู้ปลูกลำไยประสบปัญหา คือการมีแรงานไทยที่น้อย ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติซึ่งมีข้อจำกัดในการเคลื่อนย้ายจุดไปยังสถานที่ต่างๆ โดยในเรื่องนี้ได้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยทุกฝ่ายก็รับว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาของชาติ ที่ต้องรีบแก้ไข เนื่องจากเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อการเก็บผลผลิตลำไย เพราะ หากเก็บช้าผลผลิตก็จะเกิดความเสียหาย โดยทุกฝ่ายก็จะได้ไปดูในเรื่องของกฎหมาย ให้เรื่องนี้สามารรถลุล่วงไปได้ด้วยดีต่อไป ทางสภาผู้แทนราษฏร ก็จะขับเคลื่อนกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ ให้เอื้ออำนวยต่อเกษตรกรมากที่สุด หากในอนาคต พ.ร.บ.ลำไย มีการประกาศใช้ ตรงนี้ก็จะมีในเรื่องของกฎหมาย มีคนเข้ามาดูแล ซึ่งดีกว่าการปล่อยให้เป็นไปตามกลไก

ทั้งนี้นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า ลำไย ปีการผลิต 2567 ของจังหวัดลำพูน คาดการณ์จะมีปริมาณรวมทั้งสิ้น 357,949 ตัน คิดเป็นร้อยละ 36.56 ของภาคเหนือ (ลำดับที่ 2 รองจากจังหวัดเชียงใหม่) แยกเป็นผลผลิตลำไยนอกฤดู ปริมาณรวม 122,417 ตัน และผลผลิตลำไยในฤดู ปริมาณรวม 235,532 ตัน ซึ่งออกสู่ตลาดในช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน 2567 และขณะนี้เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตลำไยในฤดูแล้วประมาณ ร้อยละ 35

โดยจังหวัดลำพูน ได้บูรณาการทำงานร่วมกันกับกระทรวงพาณิชย์ โดยการเข้าร่วมกิจกรรมการเจรจาเชื่อมโยงซื้อขายลำไย ปีการผลิต 2567 ซึ่งดำเนินการ โดยกรมการค้าภายใน เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ผลจากการเจรจามีการลงนามสัญญาข้อตกลง ซื้อขายลำไย ปริมาณรวม 4,274 ตัน

นอกจากนี้ยังมีการดำเนินโครงการเชื่อมโยงสินค้าเกษตรชุมชน (ลำไย) ในช่วงผลผลิตล้นตลาด ภายใต้โครงการร่วมค้าเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยจัดกิจกรรมเจรจาการค้า (Business Matching) ในพื้นที่จังหวัดลำพูน ระหว่างวันที่ 23 - 24 กรกฎาคม 2567 เพื่อเป็นกิจกรรมหนึ่งในการแก้ไขปัญหาราคาลำไยในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ตามนโยบายสร้างทีมพาณิชย์ และการดูดซับผลผลิตทางการเกษตรล่วงหน้า โดยเป็นการประสานความร่วมมือระหว่างพาณิชย์จังหวัดลำพูนกับพาณิชย์จังหวัดจันทบุรี นำคณะผู้แทนการค้าจีน ผู้ประกอบการค้า ผู้ส่งออกสินค้าลำไยรายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีร่วมกิจกรรมเจรจาการค้า (Business Matching) ซึ่งผลการเจรจาสามารถเชื่อมโยงซื้อขายผลผลิตลำไยล่วงหน้า รวม 14,000 ตัน แบ่งเป็นลำไยสด 12,500 ตัน และลำไยอบแห้งอีก 1,500 ตัน

นอกจากนี้เมื่อ วันที่ 1-2 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้ประสานความร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเฉิงตู นำคณะผู้ซื้อมาเจรจาการค้ากับผู้ส่งออกลำไยและประชาสัมพันธ์ลำไยผ่าน KOL หรืออินฟลูเอนเซอร์จากจีน เพื่อส่งเสริมการส่งออกลำไยไทยสู่ตลาดจีนให้มากขึ้น และเข้าร่วมงานเทศกาลลำไย ซึ่งจัดร่วมกันระหว่างหอการค้าจังหวัด และสำนักงานพาณิชย์ โดยจังหวัดลำพูน คาดว่าจะสามารถเชื่อมโยงและดูดซับผลผลิตลำไย ไปยังตลาดเมืองรอง และตลาดใหม่ๆ ในจีนได้อีกเป็นจำนวนมาก.


image รูปภาพ
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image

Line

คะแนนโหวต :
starstarstarstarstar
จำนวนการเข้าชม : 138,799